สรุป
บทที่ 4 การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์

    ข้อมูล คือ สิ่งที่มีความหมายในตัว โดยข้อมูลทั่วไปที่ใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ จะเป็นข้อมูลชนิด ตัวเลข ตัวอักษร ภาพนิ่ง รวมถึงภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ในการส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด ผ่านสายสื่อสารหรือคลื่นวิทยุ ข้อมูลที่ต้องการส่งจะต้อง ได้รับการแปลงให้อยู่ในรูปแบบของสัญญาณที่เหมาะสมกับระบบการสื่อสารนั้นก่อน
         
    สัญญาณ Signal  อุปกรณ์ที่ท าการสื่อสารข้อมูลกันเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ดังนั้นลักษณะของข้อมูลต้องเป็นสัญญาณ ทางไฟฟ้าด้วย โดยสัญญาณทางไฟฟ้า ประกอบไปด้วย 
       1. สัญญาณอนาลอก
       2. สัญญาณดิจิตอล

  1. สัญญาณอนาลอก(Analog Signalเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความต่อเนื่องของสัญญาณ โดยไม่เปลี่ยนแปลงแบบทันที่ทันใดเหมือนกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เสียงพูด หรืออุณหภูมิในอากาศเมื่อเทียบกับเวลาที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
    2. สัญญาณแบบดิจิทัล(Digitals signal)  เป็นสัญญาณที่ถูกแบ่งเป็นช่วงๆ อย่างไม่ต่อเนื่อง (Discrete) โดยลักษณะของสัญญาณจะแบ่งออกเป็นสองระดับเพื่อแทนสถานะสองสถานะ คือ สถานะของบิต 0 และสถานะของบิต โดยแต่ละสถานะคือ การให้แรงดันทางไฟฟ้าที่แตกต่างกัน การทำงานในคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณดิจิทัล



     รหัสแทนข้อมูล data code   การเก็บข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะถูกเก็บอยู่ในรูปของเลขฐานสอง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข หรือตัวอักษร ข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บอยู่ในรูปรหัสเลขฐานสองที่แทนด้วยค่า “0” และค่า “1” ทั้งสิ้น โดยระบบจะน าค่าลอจิก “0” และ “1” เหล่านี้มาจัดกลุ่มกัน เรียกว่า รหัสแทนข้อมูล
 
     รหัสแอสกี (ASCII Code) 
รหัสแทนด้วยตัวอักษรแบบแอสกี (American Standard Code for Information Interchange; ASCII)
เป็นรหัสแทนข้อมูลที่มีการใช้แพร่หลายกันมากที่สุด เช่น ในไมโครคอมพิวเตอร์IBM และ IBM คอมแพทิเบิล รหัสแอสกีเป็นมาตรฐานที่ก าหนดขึ้ นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (American National Standards Institute; ANSI)
ประกอบด้วยรหัส 7 บิตและเพิ่มอีก 1 บิต เรียกว่า แพริตี้บิต รวมเท่ากับ 8 บิต ต่อหนึ่งอักขระ ซึ่งแต่ละบิตจะแทนด้วยเลข "0" และ "1"

     รหัสเอ็บซีดิก (EBCIDIC) 
(Extended Binary Coded Decimal Interchange Code; EBCDIC) เป็น รหัสแทนข้อมูลที่ได้รับการพัฒนาขึ้ นมาใช้งานส าหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งพัฒนาขึ้ น โดยบริษัทไอบีเอ็มโดยเฉพาะ
รหัสเอ็บซีดิกนี้ มีขนาด 8 บิต เพื่อแทนสัญลักษณ์หนึ่งตัว ดังนั้นจึงสามารถใช้แทนอักขระได้ 28 หรือ 256 ตัว หรือสองเท่าของรหัสแอสกี
  รหัสเอ็บซีดิกถือว่าเป็นรหัสมาตรฐานในการใช้แทนอักขระของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ ในปัจจุบัน

     รหัสยูนิโค้ด (UNICODE)
ยูนิโค้ด (UNICODE) ได้รับการพัฒนาขึ้ นมาเมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่อแก้ปัญหาที่เกิด ขึ้นกับรหัสแบบแรก โดยการก าหนดให้หนึ่งตัวอักษรมีขนาด 16 บิตแทน 8 บิตตามแบบเก่าจึงสามารถใช้ แทนตัวอักษรได้มากถึง 65,536 แบบ
ตัวอักษร 128 ตัวแรกจะเหมือนกันกับตัวอักษรในรหัสแอสกีรุ่นเก่า นอกจากนี่มี ตัวอักษรจีน 2,000 ตัว ตัวอักษรญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย ฮิบรูกรีก สันสกฤต และอื่น ๆ รวมทั้งสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สัญลักษณ์พิเศษอีกมากมาย

       การส่งข้อมูล(Data transmission) กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับโดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิด ความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน

       พื้นฐานของการส่งข้อมูล 
ในทางคอมพิวเตอร์การส่งข้อมูล หมายถึงการส่งชุดข้อมูลเป็นแบบบิต (bit) ที่มีแต่ตัวเลข 0 กับ 1 หรือเป็นไบต์ (byte) ที่เป็นตัวอักษรโดย 8 บิต มีค่าเป็น 1 ไบต์ จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งซึ่ง การส่งข้อมูลในทางคอมพิวเตอร์เราสามารถใช้ตัวกลางในการส่งข้อมูลได้หลากหลายชนิด เทคโนโลยี
      สายทองแดง (copper wire)
      เส้นใยแก้วน าแสง (optical fiber)
      แสงเลเซอร์ (laser)
      คลื่นวิทยุ (radio)
      อินฟราเรด (infra – red light)

        วิธีการส่งข้อมูล   
        วิิธีการส่งข้อมูล จะแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณ หรือรหัสเสียก่อนแล้วจึงส่งไปยังผู้รับ และเมื่อ ถึงปลายทางหรือผู้รับก็จะต้องมีการแปลงสัญญาณนั้นกลับมาให้อยู่ใน รูปที่มนุษย์สามารถที่จะ เข้าใจได้ ในระหว่างการส่งอาจจะมีอุปสรรค์ที่เกิดขึ้ นก็คือสิ่งรบกวน(Noise)จากภายนอก ทำให้ข้อมูลบางส่วนเสียหาย หรือผิดเพี้ยนไปได้ซึ่งระยะทางก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยเพราะถ้าระยะทางใน การส่งยิ่งมากก็อาจจะท าให้เกิดสิ่งรบกวนได้มากเช่นกัน จึงต้องมีหาวิธีลดสิ่งรบกวนเหล่านี้ โดยการพัฒนาตัวกลางในการสื่อสารที่จะทำให้เกิดการรบกวนน้อยที่สุด

      ลักษณะการส่งข้อมูล
สามารถแบ่งการส่งข้อมูลออกตามลักษณะการส่งข้อมูลได้ 2 ชนิด
 1. การส่งข้อมูลแบบอนุกรม (serial transmission)
 2. การส่งแบบขนาน (parallel transmission)

     การส่งข้อมูลแบบอนุกรม (serial transmission)
     จะใช้วิธีการส่งทีละ 1 บิตในหนึ่งรอบสัญญาณนาฬิกา ทำให้ดูเหมือนว่าบิตต่าง ๆ เรียง ต่อเนื่องกันไป จากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่ง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การส่งข้อมูลแบบอนุกรม (

       การส่งแบบขนาน (parallel transmission)
       การส่งข้อมูลพร้อมกันทีละหลาย ๆ บิตในหนึ่งรอบสัญญาณนาฬิกา โดยการส่งจะรวม บิต 0 และ 1 หลาย ๆ บิตเข้าเป็นกลุ่ม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การส่งข้อมูลแบบอนุกรม (

       วิธีการส่งข้อมูล
       สามารถแบ่งการส่งข้อมูลออกเป็น 2 วิธี ดังนี้
1. การส่งข้อมูลแบบอะซิงโครนัส (asynchronous transmission)
2. การส่งข้อมูลแบบซิงโครนัส (synchronous transmission)

      การส่งข้อมูลแบบอซิงโครนัส (asynchronous transmission) การสื่อสารแบบอซิงโครนัสนั้นจะใช้สายสัญญาณเพียงตัวเดียวแต่จะใช้รูปแบบการส่งข้อมูล หรือ Bit Pattern เป็นตัวกําหนดว่าส่วนไหนเป็นตัวเริ่มต้นข้อมูล ส่วนไหนเป็นตัวข้อมูล ส่วนไหนจะ เป็นตัวตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และส่วนไหนเป็นส่วนปิดท้ายของข้อมูล โดยต้องกําหนดให้ สัญญาณนาฬิกาเท่ากันทั้งภาครับและภาคส่งซึ่งจะมีอุปกรณ์พิเศษคอยควบคุมการรับและการส่งข้อมูล

     การส่งข้อมูลแบบซิงโครนัส (synchronous transmission)   การสื่อสารแบบซิงโครนัสนี้จะใช้สัญญาณนาฬิกาควบคุมการรับส่งสัญญาณ เช่น สายคีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์โดยจะมีสายสัญญาณเส้นหนึ่งเป็นสายสัญญาณนาฬิกา ส่วนอีกเส้นหนึ่งเป็นสายของ ข้อมูล( และมักจะมีสาย กราวน์ด้วย) สําหรับการสื่อสารแบบซิงโครนัสนี้เหมาะสําหรับการทํางานใน ระยะใกล้ข้อมูลที่จะส่งมีไม่มากนัก เพราะถ้าระยะทางไกลขึ้นจะทําให้สัญญาณนาฬิกามีปัญหา อีกทั้งต้องมีสายหลายเส้นทําให้สิ้นเปลืองมาก


      ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล
ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล
คำอธิบาย: http://computernetwork.site40.net/images/line.gif
               สามารถแบ่งทิศทางการสื่อสารของข้อมูลได้เป็น แบบ คือ
               1. แบบทิศทางเดียว (Simplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลจะถูกส่งจากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทาง โดย
ไม่สามารถส่งข้อมูลย้อนกลับมาได้ เช่นระบบวิทยุ หรือโทรทัศน์
คำอธิบาย: http://computernetwork.site40.net/images/line.gif

รูปที่ 1 การสื่อสารแบบทิศทางเดียว
คำอธิบาย: http://computernetwork.site40.net/images/line.gif
               2. แบบกึ่งสองทิศทาง (Half Duplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลสามารถส่งกลับกันได้ ทิศทาง แต่จะ
ไม่สามารถส่งพร้อมกันได้ โดยต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเท่านั้น เช่น วิทยุสื่อสารแบบผลัดกันพูด
คำอธิบาย: http://computernetwork.site40.net/images/line.gif

รูปที่ 2 การสื่อสารแบบกึ่งสองทิศทาง
คำอธิบาย: http://computernetwork.site40.net/images/line.gif
               3. แบบสองทิศทาง (Full Duplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลสามารถส่งพร้อม ๆ กันได้ทั้ง 2ทิศทาง ในเวลาเดียวกัน เช่น ระบบโทรศัพท์
                                                            รูปที่ 3 การสื่อสารแบบสองทิศทาง

    สรุป   การส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ข้อมูลที่ส่งจะอยู่ในรูปของสัญญาณทางไฟฟ้า ไม่ได้อยู่ในรูปของตัวอักษรที่อ่านได้ โดยการส่งข้อมูลมีทั้งการส่งข้อมูลแบบขนาน และการส่งข้อมูลแบบอนุกรม


      อ้างอิง  https://varitthaatlove.wordpress.com/





ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม